วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ขนมปาท่องโก๋

 

    
 

ประเทศจีนราวปี พ.ศ. 297 “ใจก๊วย” เป็นผู้สำเร็จราชการแทนเจ้าชิวั่งตี่ มีหน้าที่คอยกราบทูลแนะนำสิ่งต่าง ๆ ถวาย ได้รับหนังสือลับจากกองทัพตาด ให้กราบทูลแนะนำกษัตริย์ให้ยอมแพ้แก่ตาดจะปูนบำเหน็จให้ ด้วยความโลภใจก๊วยจึงทำตามกองทัพตาดจึงเข้าเมืองได้ เณรเทศพระเจ้าพระเจ้าชิวังตี่ออกนอกประเทศ แล้วแต่งตั้งใจก๊วยเป็นกษัตริย์ขูดรีดจากประชาชนกังฟู(ขุนพลของพระเจ้าชิวั่งตี่)จึงรวบรวมผู้คนยกทัพเข้าตีเมืองหลวง ได้ ครั้นกังฟูสิ้นชีวิตลง ชาวจีนระลึกถึงคุณงามความดี พร้อมใจสร้างศาลเจ้าเพื่อสักการะบูชา พร้อมกับรูปปั้นใจก๊วยไว้หน้าประตูศาลเจ้าทุกวันที่ชาวจีนไปสักการะในศาลเจ้าของกังฟู จะเขกศรีษะรูปปั้นใจก๊วยทุกคนนานเข้ารูปปั้นหดเหลือแค่คอ เพื่อลงโทษให้สาสมจึงได้คิดทำขนมใช้แป้งปั้นเป็นตัวใจก๊วยไม่มีคอ ทอดน้ำมันกำลังเดือด ขนมชื่อ" อิ้วใจก๊วย" (ใจก๊วยถูกทอดในน้ำมัน)เมื่อขนมชนิดนี้เข้าในสมัยรัชกาลที่ 6 ใหม่ ๆ มีซิ้มแก่ ๆ หาบขนมนี้มาขายพร้อมกับปาท่องโก๋(มีลักษณะคล้ายซาลาเปา แต่มีงาโรยหน้า) ปากก็ร้องขายขนมปาท่องโก๋คนไทยซื้อขนมอิ้วใจก๊วยมารับประทาน โดยคิดว่าชื่อปาท่องโก๋เลยเรียกขนมชนิดนี้ว่า "ปาท่องโก๋" ติดปากมาจนทุกวันนี้นี่ก็คือที่มาของ “ปาท่องโก๋” ที่ทานกันเป็นประจำ
 
 
 [ปาท่องโก๋3.jpg]

photo
user posted image

มีปาท่องโก๋ที่ไหน ก็ต้องมีซาลาเปาที่นั่น

user posted image

user posted image


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น