การ์ตูนเล่มละบาท
“สำนักพิมพ์เหล่านี้แม้จะรู้ว่ากำไรที่ได้
จากการ์ตูนไทยเล่มละห้าบาท จะได้ไม่สูงมากนัก
จากการ์ตูนไทยเล่มละห้าบาท จะได้ไม่สูงมากนัก
แต่ที่ยังพิมพ์การ์ตูนออกมาอย่างต่อเนื่อง
นั่นเพราะมันคือ อาชีพ นั่นเอง”
นั่นเพราะมันคือ อาชีพ นั่นเอง”
การ์ตูนไทย เล่มละบาทจะไม่เกิดขึ้นมาได้เลย หากไม่มีสำนักพิมพ์
หรือโรงพิมพ์ผู้จัดพิมพ์การ์ตูนเหล่านั้นออกสู่ตลาด การเกิดขึ้นของการ์ตูนไทย
เล่มละบาทนั้น คาดว่าน่าจะมาจากกลไกการตลาดบางประการ นั่นคือมีสำนักพิมพ์
เกิดใหม่หลายต่อหลายที่ เช่นเดียวกับอัตราการเกิดของประชากรที่มีมากขึ้น
และจำนวนผู้อ่านก็จะมากขึ้นด้วยเช่นกันนั่นเอง ในตอนสมัยก่อนมีสำนักพิมพ์
อยู่ประมาณ 2-3 เจ้า อาทิ บางกอกสาส์นการ์ตูนเล่มละบาทนั้นจะมี
จำนวนหน้าอยู่ที่ประมาณ 16 หน้า และเนื้อเรื่องที่ปรากฏในการ์ตูนก็โดน
กลุ่มคนเช่นสำนักส่งเสริมเด็กและเยาวชน โจมตีว่าเนื้อหานั้นมอมเมาเด็ก
แต่ด้วยความการ์ตูนประเภทนี้อ่านเพลินๆ จึงทำให้หนังสือขายดี
เพราะคนทั่วไปต้องการอ่านหนังสือเพื่อพักผ่อน สนุกสนานเล็กๆน้อยๆ
การ์ตูนเล่มละบาท จะมีจำหน้าหน้าต่อหนึ่งเรื่อง อยู่ที่ 16 หน้า
แต่กระนั้นสำนักพิมพ์บางกอกสาส์นก็เพิ่มจำนวนหน้าเป็น 24 หน้า
และใส่ใจประณีตกับการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายของบางกอกสาส์นนั้น
สูงทะลุเป้า ส่งผลให้สำนักพิมพ์อื่นๆ หันมาสนใจใส่ใจในการผลิตผลงาน
การ์ตูนของตนเองบ้าง ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว
นิยายประกอบภาพทั้งประเภทฮีโร่ ทั้งเรื่องอภินิหารทั้งหลาย
เริ่มเข้าสู่ช่วงซบเซา ทำให้ตามแผงหนังสือในช่วงนั้น ล้นไปด้วยการ์ตูนเล่มละบาท
ขนาดที่ว่ากันว่า มีการพิมพ์การ์ตูนเล่มละบาทในแต่ละเดือนสูงถึงล้านเล่มเลยทีเดียว
ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดของการ์ตูนเล่มละบาทสูงและมีสีสันตามไปด้วย
ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2521-2522 บางกอกสาส์นก็ทำให้วงการการ์ตูนเล่มละบาท
ต้องตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเพิ่มจำนวนหน้าของการ์ตูนหนึ่งเรื่อง
จาก 24 หน้า เป็น 32 หน้า อย่างไรก็ตามความฮือฮาดังกล่าวก็เกิดขึ้นได้ไม่ได้
เมื่อการ์ตูนเล่มละบาทถึงกาลซบเซาลงเรื่อยๆ ถึงขนาดหายไปจากตลาดเลยทีเดียว
ในสมัยก่อนนั้น กระดาษสำหรับพิมพ์นั้นมีราคาถูก จึงไม่แปลกที่มันสามารถ
เพิ่มหน้าต่อเรื่องได้มากถึง 32 หน้า นานวันเข้า ราคากระดาษเริ่มสูงขึ้น
จาก 32 หน้า ก็ลดเหลือ 24 หน้า จนสุดท้ายเหลือ 16 หน้าเท่าเดิม
ยุคต่อมา 3 เรื่อง 5 บาท
ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถลดจำนวนหน้าลงได้อีก จึงทำการรวม 3 เรื่อง
ขายในราคา 5 บาท ในที่สุดยุคการ์ตูนเล่มละบาทก็จบลง รวมเวลาแล้ว
การ์ตูนเล่มละบาทสามารถขายให้ผู้ซื้อได้ยาวนานถึง 30 ปีทีเดียว
ส่วนราคา 5 บาท สามารถขายได้ประมาณ 7 ปี
ปัจจุบันการผลิตการ์ตูน 3 เรื่อง 5 บาท มีสำนักพิมพ์เพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่ทำอยู่
ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ สำนักพิมพ์เพื่อนแก้ว, ชายสยาม, ธนสาส์น,
การ์ตูนบันเทิง, เสริมมิตร, การ์ตูนไทย, ประชาช่าง สำนักพิมพ์เหล่านี้
แม้จะรู้ว่ากำไรที่ได้จากการ์ตูนไทยเล่มละห้าบาท จะได้ไม่สูงมากนัก
แต่ที่ยังพิมพ์การ์ตูนออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นเพราะมันคือ
อาชีพ นั่นเองในอดีตการ์ตูนโดนค่อนขอดว่ามอมเมาเด็กและเยาวชน
ปัจจุบันภาพลักษณ์ของการ์ตูนเล่มละบาทก็ยังโดนมองว่าไร้เกรดเพิ่มเข้าไปอีก
แต่กระนั้นก็ยังมีคนติดตามอ่านการ์ตูนไทยเล่มละบาทอยู่ตลอด
เป็นระดับกลางๆ ไปจนถึงระดับล่างนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของกระแสด้วยเช่นกัน
เนื่องจากคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันมองว่าการอ่านการ์ตูนไทยเล่มละบาท
หรือ 5 บาทนั้นถือเป็นเรื่องเชย ล้าสมัย
เมื่อเทียบกับการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือหนังสือในประเภทอื่นๆนั่นเอง
หลังจากนี้ในอนาคต แม้ตลาดของการ์ตูนไทยเล่มละบาทจะไม่โตขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่
แต่เชื่อเถอะว่า ตราบใดที่มีผู้อ่านติดตาม ไม่หลงลืมการ์ตูนไทยในอดีต
หรือไหลไปตามกระแสของสังคมจนเกินไป การ์ตูนไทยราคาถูกเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ คู่คนอ่านต่อไปแน่นอน
วนิดา แก่นจันทร์ http://mailonoon.exteen.com/20090909/entry-09-09-09
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น